เรื่องราวของความสุขที่หยั่งรากลึกจากจิตใจสู่สังคม รศ.ดร.นพ.ชัชวาลย์ ศิลปะกิจ ผู้อำนวยการศูนย์จิตตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล

  • รศ.ดร.นพ.ชัชวาลย์ ศิลปกิจ
  • 12 ตุลาคม 2567

 

สรุปบทนำเสนอ

       ศูนย์จิตตปัญญาศึกษาก่อตั้งขึ้นในช่วงปลายปี พ.ศ. 2540 โดยอาจารย์ผู้ใหญ่หลายท่านที่เอ่ยนามได้คือ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ศ.นพ.พรชัย มาตังคสมบัติ และกลุ่มจิตวิวัฒน์ ได้คุยกันเรื่องข้อจำกัดของการศึกษาที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมุ่งเน้นการถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการเป็นหลัก แต่ละเลยการพัฒนาความเข้าใจตนเองของผู้เรียน จากแนวคิดนี้ ทางกลุ่มได้ศึกษาดูงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา เพื่อหาแนวทางการศึกษาทางเลือก และได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อพัฒนารูปแบบการศึกษาที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย

       ศูนย์จิตตปัญญาศึกษาได้พัฒนาหลักสูตรระดับปริญญาโทด้านการศึกษา โดยมีทั้งภาคปกติและภาคพิเศษ เนื้อหาของหลักสูตรมุ่งเน้นการเรียนรู้เกี่ยวกับจิตและปัญญา ผ่านการบูรณาการองค์ความรู้จากปรัชญา จิตวิทยา และศาสนาต่าง ๆ โดยไม่จำกัดอยู่เพียงศาสนาใดศาสนาหนึ่ง

     เป้าหมายสำคัญของจิตตปัญญาศึกษาคือการสร้างความมั่นคงภายในจิตใจ แนวคิดนี้เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีความมั่นคงภายในเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว เปรียบเสมือนจิตที่มีความเป็นพุทธะหรือพระเจ้าอยู่ภายใน อย่างไรก็ตาม กระบวนการเรียนรู้และสภาพแวดล้อมทางสังคมบางอย่างอาจทำให้เราละเลยความมั่นคงนี้ และหันไปแสวงหาสิ่งภายนอกเพื่อตอบสนองความต้องการ ซึ่งนำไปสู่ความรู้สึกไม่มั่นคงและเปราะบางภายในจิตใจ

     กระบวนการเรียนรู้ของจิตตปัญญาศึกษาประกอบด้วยกิจกรรมและกระบวนการต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผู้เรียนสังเกตและเข้าใจกระบวนการภายในจิตใจของตนเอง เมื่อเข้าใจตนเองมากขึ้น ผู้เรียนสามารถนำความเข้าใจนี้ไปประยุกต์ใช้ในการทำงานและชีวิตประจำวันได้ แนวทางนี้เน้นการเปลี่ยนแปลงจากภายในสู่ภายนอก โดยไม่ได้มุ่งเน้นการเพิ่มเติมความรู้หรือทักษะใหม่ ๆ เข้าไป

     แนวคิดของจิตตปัญญาศึกษาสามารถเปรียบเทียบได้กับการสร้างสรรค์งานศิลปะของไมเคิลแองเจโล ที่กล่าวว่าความงามมีอยู่แล้วในเนื้อหิน เพียงแต่ศิลปินต้องกะเทาะส่วนเกินออกเพื่อเผยให้เห็นความงามนั้น ในทำนองเดียวกัน จิตตปัญญาศึกษามุ่งค้นหาว่ามีสิ่งใดที่กดทับหรือบดบังคุณค่าที่แท้จริงภายในจิตใจของเรา เช่น ความกลัว ความกังวล หรือสิ่งที่ทำให้เราไม่กล้าแสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริง

     จิตตปัญญาศึกษาเชื่อว่าความสะอาดบริสุทธิ์ของจิตใจยังคงมีอยู่เสมอ เปรียบเสมือนเสื้อผ้าที่สกปรก เราไม่ได้ใส่ความสะอาดเข้าไปเมื่อซัก แต่เป็นการขจัดความสกปรกออก ฉันใดก็ฉันนั้น จิตใจของเรายังคงมีศักยภาพสูงสุดอยู่ เพียงแต่ถูกกดทับด้วยกระบวนการเรียนรู้และอิทธิพลทางสังคมต่าง ๆ

     ศูนย์จิตตปัญญาศึกษาได้นำแนวคิดนี้ไปขับเคลื่อนในระบบการศึกษา โดยเชื่อว่าหากสามารถปรับเปลี่ยนระบบการศึกษาให้เข้าใจแนวคิดนี้ จะสามารถสร้างผลกระทบในวงกว้างได้ งานหลักของศูนย์ฯ คือการบูรณาการแนวคิดนี้เข้าสู่ระบบการศึกษา โดยเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของครู ให้เข้าใจคุณค่าของการสร้างความมั่นคงภายในจิตใจ ทั้งของตนเองและนักเรียน

     แนวคิดสำคัญอีกประการหนึ่งคือการสร้าง "พื้นที่ปลอดภัย" ภายใต้สภาพแวดล้อมที่อาจไม่ปลอดภัย จิตตปัญญาศึกษาเชื่อว่าเราสามารถสร้างความรู้สึกปลอดภัยภายในจิตใจได้ แม้ว่าสภาพแวดล้อมภายนอกจะไม่สามารถควบคุมให้ปลอดภัยได้ทั้งหมด ตัวอย่างเช่น ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่สะท้อนให้เห็นว่าหลายคนไม่ได้เตรียมความมั่นคงทางจิตใจไว้รับมือกับสถานการณ์วิกฤต

  ศูนย์จิตตปัญญาศึกษาได้นำแนวคิดนี้ไปประยุกต์ใช้กับครูในระบบอาชีวศึกษา ซึ่งมักรู้สึกว่าตนเองด้อยค่าหรือมีความสามารถน้อยกว่าครูในระบบการศึกษาอื่น ๆ กระบวนการของจิตตปัญญาศึกษาช่วยให้ครูเหล่านี้ค้นพบคุณค่าในตนเอง และเปลี่ยนท่าทีในการมองนักศึกษา ตัวอย่างเช่น แทนที่จะลงโทษนักศึกษาที่มาสาย ครูได้เรียนรู้ที่จะสอบถามและเข้าใจสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาครอบครัวหรือภาระความรับผิดชอบอื่น ๆ

การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของครูส่งผลให้นักศึกษารู้สึกได้รับความเข้าใจและเอาใจใส่มากขึ้น ในบางกรณี การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้นักศึกษาที่มีปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคซึมเศร้า สามารถเปิดใจและได้รับการช่วยเหลือ จนกระทั่งสามารถหยุดการรักษาและมีความสุขมากขึ้นได้

     จิตตปัญญาศึกษาจึงมุ่งเน้นให้ครูเข้าใจมิติของมนุษย์ภายใน และนำความเข้าใจนี้ไปบูรณาการในกระบวนการเรียนการสอน โดยใช้ตนเองเป็นสื่อการสอน ไม่ใช่เพียงแค่ถ่ายทอดความรู้จากตำราเท่านั้น การพัฒนาความมั่นคงภายในและการเข้าใจตนเองเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาการศึกษาและสังคมโดยรวม

 

Back To Top