การบรรยายพิเศษหัวข้อ: “จิตตปัญญาศึกษา: ศิลปะการดำรงอยู่เพื่อเผชิญกับวิกฤตทางสังคมและสิ่งแวดล้อม” โดย รองศาสตราจารย์นายแพทย์ชัชวาลย์ ศิลปกิจ ผู้อำนวยการศูนย์จิตตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล

  • 06 พฤศจิกายน 2568

 

1. วิกฤตภายในและกับดักความคิด

     ระบบการศึกษาและสังคมร่วมกันสร้าง “กับดักทางความคิด” ที่เน้นเหตุผลและผลสัมฤทธิ์มากเกินไป จนละเลยความรู้สึกส่วนตัวและคุณค่าภายใน ส่งผลให้หลายคนต้องฝืนตนเองตามค่านิยมที่ไม่สอดคล้องกับตัวตน เช่น การยกย่องเด็กสายวิทย์หรือผู้ที่เก่งคณิตศาสตร์เป็นพิเศษ

     การเปรียบเทียบตนเองกับผลงานและการยึดติดกับภาพลักษณ์ภายนอก ทำให้เกิดความอึดอัดภายในใจ และนำไปสู่วิกฤตทางจิตวิญญาณ เช่น กรณีนักศึกษาที่ฆ่าตัวตาย ทั้งที่มนุษย์มีศักยภาพสูงในการเผชิญวิกฤต หากไม่ถูกบั่นทอนด้วย “กับดักความคิด” ที่หลอกว่าเราต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

     “ค่าของคน ไม่ได้อยู่ที่ผลของงาน”

2. การสังเกตและเท่าทันตนเอง

     หัวใจของจิตตปัญญาศึกษาคือ “การสังเกตตัวเองอย่างตรงไปตรงมา” ไม่ใช่ด้วยเหตุผล แต่ด้วยความรู้สึก การใส่ใจ และการวางใจ

     สิ่งเร้าทางใจ—เช่น ความคิดและความรู้สึก—มักถูกมองข้าม ทั้งที่เป็นช่องทางสำคัญในการเรียนรู้ตนเอง เรามักเข้าใจผิดว่าควรควบคุมทุกอย่าง ทั้งที่ความคิดและอารมณ์เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

     “ความคิด ความรู้สึก โผล่ขึ้นมาเอง เราควบคุมไม่ได้”

3. กลยุทธ์การดำรงอยู่: ไม่ตอบสนอง

     เมื่อรู้ว่าไม่สามารถควบคุมสิ่งเร้าทางใจได้ เป้าหมายจึงเปลี่ยนเป็น “การไม่ตอบสนอง” ต่อสิ่งที่มากระทบ เช่น ความเบื่อ ความไม่พอใจ โดยปล่อยให้มันผ่านไป และมุ่งทำในสิ่งที่ควรทำ

     การฝึก “หยุด” ปฏิกิริยาอัตโนมัติ เป็นการพัฒนา self-regulation และ emotional regulation ที่นำไปสู่ความมั่นคงภายใน

     “ความฉลาด คือ ความเข้าใจชีวิต และการยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น”

4. ผลลัพธ์: ความมั่นคงภายในและนิเวศการเรียนรู้

     เมื่อฝึกฝนจนเกิดความมั่นคงภายในอย่างอัตโนมัติ จะเกิดความยืดหยุ่นทางจิตใจ ความรู้สึกอิ่มภายใน และการยอมรับตนเองอย่างไม่มีเงื่อนไข เสียงที่เคยกดทับจะเบาลง

     การเปลี่ยนแปลงภายในนี้ส่งผลต่อบรรยากาศภายนอก เช่น ห้องเรียนที่งอกงาม เพราะระบบนิเวศภายในใจเปลี่ยนไป

     “เราเป็นท้องฟ้าที่แจ่มใสอยู่เสมอ ส่วนความเศร้าเป็นเพียงเมฆที่ลอยมา”

 

สรุป : 3 วิธีฝึกใจเพื่อเผชิญวิกฤต

      1. สังเกตความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช้เหตุผล ไม่พยายามควบคุม แยกให้ได้ระหว่าง “มันคิด” กับ “เราคิด”

      2. ตั้งใจงดเว้นพฤติกรรมบางอย่าง เช่น ลดการบ่น ลดการใช้โทรศัพท์ ฝึกหยุดตามความอยาก

      3. มีเวลาสงบอยู่กับตัวเองบ้าง แม้จะเหงา เบื่อ หรือเศร้า ให้ยอมอยู่กับความรู้สึกนั้นโดยไม่แก้ไข แล้วมันจะผ่านไปเอง

 

“การดูแลใจเป็นทักษะที่ฝึกได้ และจะเกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ”

ในงาน “มหกรรมจิตตปัญญาศึกษา ครั้งที่ 4”

วันที่ 6-7 พฤศจิกายน 2568

ณ ห้องประชุมเอื้องหลวง คณะครุศาสตร์

มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง

 

Back To Top